แรงบันดาลใจจาก : คิง หลิว ผู้ล้มแล้วลุก
ที่มาภาพ :www.cens.com
เกาะไต้หวัน นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ผสมผสานระหว่างมนต์เสน่ห์แบบแดนมังกร
และความเจริญล้ำหน้าทางเทคโนโลยีแบบโลกยุคใหม่แล้ว
ยังเป็นถิ่นกำเนิดของแบรนด์จักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลกแบรน์หนึ่งนามว่า Giant ซึ่งมีสินค้าจำหน่ายไปทั่วโลก
และได้รับความนิยมโดยทั่วไป
ด้วยคุณภาพที่ดีของสินค้าที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ในราคาย่อมเยา
ที่ผ่านมามีความเข้าใจว่า
ผู้ที่ริเริ่มต้องเป็นผู้ที่หลงใหลในจักรยานมากเป็นทุนเดิมและเข้าใจในการตลาด
ซึ่งในความเป็นจริง ผู้ก่อตั้ง Giant นาม หลิวจินเปียว หรือที่ รู้ จักกันในนาม คิง หลิว
มิได้เป็นเช่นนั้น
ก่อนหน้าที่ Giant จะถือกำเนิด
หลิว พร้อมกับวุฒิการช่างทำธุรกิจอื่นๆ มามากมาย อาทิขนส่ง เคมี
นำเข้าอาหารอุปกรณ์ฮาร์แวร์ โดยในวัย 35 ปี
เขาเพิ่งเริมเพาะเลี้ยงปลาไหลจำหน่ายกระทั่งประสบเหตุขาดทุนย่อยยับเพราะพายุไต้ฝุ่นทำลายบ่อปลาจนสิ้น
3 ปีถัดมา
เขาร่วมกับเพื่อนจำนวนหนึ่งลงทุนเปิดโรงงานผลิตจรักยานนามว่า Giant ในเมืองไถจง รับทำจักรยานให้แบรนด์ต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 3
ปี กับการสร้างสถานะของบริษัทให้คงที่ เนื่องจากเวลานั้นภาพลักษณ์ของสินค้าที่มาจากไต้หวันไม่ดีเท่าไหร่นัก
จนได้พบกับแบรน์จักรยานจากต่างประเทศ
และได้รับความไว้วางใจเป็นผู้ผลิตสินค้าให้ในจนวนมากถึง 75% ของจักรยานทั้งหมดที่
Giant ผลิต
ทว่า
ความไว้วางใจมากก็สร้างปัญหาอย่างสาหัสไม่แพ้กันเมื่อสุดท้ายบริษัทขอถอนตัวไปหาผู้ผลิตรายอื่นอย่างกระทันหันส่งผลให้
หลิว เสียหลักอย่างมาก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของศักราชใหม่ขององค์กร
เมื่อบริษัทตัดสินใจพลิกแนวของตัวเองมาสร้างแบรนด์และจำหน่ายจักรยานด้วยตัวเอง
นอกจากจำหน่ายในพื้นที่แล้ว
หลิว ยังมองตลาดต่างประเทศและเข้ายุโรปเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ด้วยการจับมือกับผู้ผลิตในพื้นที่นั้นสร้าง
Giant Euro และใช้เวลาเพียง 6 ปีจากนั้นพัฒนาตัวเองเป็นผู้ถือหุ้นอย่างเต็มอำนาจของเครือข่ายในยุโรปโดยมีการขยายไปสหรัฐ
และตั้งฐานการผลิตในไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ และจีน
ทั้งนี้
นอกจากการขยายตลาด บริษัทยังพัฒนาสินค้าครอบครุมทุกกลุ่มผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย
ความถนัด วัตถุประสงค์ การใช้งาน และปรับปรุงดีไซน์ขึ้นเรื่อยๆด้วย
ในขณะที่มีการสรุปผลประกอบการในปี
2014 ว่า
บริษัทจัดจำหน่ายจักรยานใน 50 ประเทศทั่วโลก
สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
หลังม่านการผลิต ชีวิตส่วนตัวของ หลิว
เหมือนเพิ่งเริ่มต่อสู้อย่างหนักระลอกใหม่หลังตรวจพบมะเร็งลุกลามกระเพาะอาหารตอนอายุได้
63 ปี จนต้องตัดกระเพาะทิ้งไปครึ่งหนึ่ง
และ 10 ปีถัดมา
โรคภัยต่างๆ ก็เริ่มรุมเร้ามากขึ้นไปอีก
หลิวจึงตัดสินใจหันหน้ามาเป็นนักปันจักรยาน หลังใช้เวลาผลิตจักรยานมาครึ่งชีวิต
การตัดสินใจครั้งนี้ของเขายังเป็นเรื่องที่จริงจังมาก
โดยใช้เวลาฝึกปั่นให้ชำนาญอย่างเดียวถึง 6 เดือน
ก่อนจะเริ่มออกถนนตามที่ต่างๆ ของไต้หวัน
สร้างเสียงฮือฮาและเป็นที่สนใจว่าผู้สูงอายุวัย 73 ปี ที่มีรูปร่างอ้วนพุงโต
จะปันจักรยานด้สักเท่าไหร่ หรือความพยายามครั้งนี้ของเขาเป็นไปตามเจตนาที่ประกาศ
หรือแค่สร้างภาพ
สุกท้าย
หลิวก็พิสูจน์ตัวเอง ด้วยการปั่นจักรยานรอบเกาะไต้หวันที่มีระยะทางกว่า 1,000 กม ถึง 2
รอบ ตอนอายุ 73 และ 79 ปี
รวมถึงปั่นจากกรุงปักกิ่งไปเซี้ยงไฮ้ คิดเป็นระยะทาง 700 กม
ตอนอายุ 75 ปี ด้วย
ปัจจุบัน
หลิวมุ่งมันกับการปั่นจักรยานพอๆ กับการสร้างจักรยาน
โดยต้องปั่นจักรยานทุกเช้ารอบสำนักานใหญ่ของ Giant ในเมืองไถจง
ขณะที่เป้าหมายของเขาก็หันไปเน้นสงเสริมชาวไต้หวันหันมาปั่นจักรยานมากขึ้น
โดยปีนี้เขากลับมาปั่นจักรยารอบเกาะไต้หวันอีกครั้งฉลองอายุครบ 80 ปี เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เขาแข็งแรงกว่าก่อนเริ่มปันจักรยานอีก
ทั้งที่ตอนนี้(2015)อายุเขาก็ล่วงเลยมาแล้ว
หลิว
ยอมรับว่าเขาเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ช้าเหลือเกิน
ตอนเขาอายุ 50 ปีเขาเพิ่งรู้จักตัวเอง
ตอนเขาอายุ 60 ปีเขาเพิ่งเข้าใจวิธีการจักการ
ตอนเขาอายุ 70 ปี เขาเพิ่งค้นพบว่าตัวเองหลงใหลในการปั่นจักรยาน
และในวัย 80 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น
จากจุดเริ่มต้น
หากจะมีสิ่งใดที่เชื่อมโยงระหว่างเขากับจักรยาน
อาจจะตอบได้ว่าเป็นเส้นทางชีวิตและการก่อร่างสร้างอาณาจักรของเขา
ที่ล้มและลุกขึ้นได้ใหม่อย่างรวดเร็ว
ซิกแซกหลบหลีกหาช่องทางเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้าได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเฉกเช่นจักรยาน
ที่มา: M2F
Post a Comment