แรงบันดาลใจจาก :ดริว ฮูสตัน ผู้สร้างเว็บไซค์ดร๊อปบ็อกซ์ (www.dropbox)
ที่มาของภาพ:theyoungmillionairesbible.com
คงแย่มากสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่
หากอีกไม่กี่นามทีข้างหน้านักศึกษาคนใดจะต้องนำเสอนงานให้อาจารย์ หรือพนักงานงานคนใดจะจะต้องนำเสอนงานให้กับลูกค้าหรือผู้บริหาร
แต่ดันเพิ่งนึกได้ว่าลืมฮาร์ดิสไว้ที่บ้าน
หรือไม่ก็ฮาร์ดิสก์ดันมีปัญหาใช้งานไม่ได้กะทันหัน
ซึ่งทางแก้ที่นึกออกในตอนนั้นก็มีอยู่สองวิธีคือ
ตรงปรี่กลับไปที่บ้านเพื่อนำฮาร์ดิสก์มาให้ได้ หรือไม่ก็ยอมเสียโอกาสการนำเสนอผลงานครั้งนี้ไปอย่างดื้อๆ
ซึ่งรับรองได้ว่าตัวเลือกทั้งสองนี้ไม่มีใครอยากทำแม้แต่น้อย
แต่ใช่ว่าเหตุการณ์หลงลืมแบบนี้จะเกิดขึ้นกับใครบางคนเท่านั้น เพราะว่า ดิว ฮูลตัน
(Drew Houston) ก็เคยพบเจอเรื่องร้ายๆ
แบบนี้เช่นกัน ก่อนจะเป็นเศรษฐีหน้าใหม่แห่งวงการเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า
ฮูสตันแก้ปัญหาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ด้วยการสร้างเว็บไซค์ดร๊อปบ็อกซ์ (www.dropbox) หรือกล่องวิเศษ
และมันได้ทำให้เขากลายเป็นมหเศรษฐีตั้งแต่อายุเพียง 29 ปีเท่านั้น
ด้วยอายุที่ยังไม่ถึง 30 ปี ของฮูสตันนี้เอง
ทำให้ตำแหน่งเศรษฐีรุ่นเยาว์อย่าง มาร์ ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอแห่งเฟซบุ๊ค
เริ่มอย่ไม่นิ่งแล้ว
ซึ่งจุดกำเนิดของเว็บไซค์ดร็อปบ็อกซ์เริ่มมาจากสมัยที่ฮูสตันยังเป็นนักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง
MIT ประเทศสหรัฐอเมริกาวันหนึ่งระหว่างที่เขากำลังเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำรายงานให้เสร็จนอกบ้าน
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมฮาร์ดดิสก์ไว้ที่อพาร์ตเมนต์จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อดาวห์โหลดไฟล์
ผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ประสบปัญหาว่าไม่สามารถส่งข้อมูลได้
เพราะโทรศัพท์ที่เขาใช้ไม่สามารถอ่านข้อมูลที่สร้างจากโปรแกรมที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ได้
สุดท้ายฮูสตันจึงต้องส่งงานล่าช้ากว่ากำหนด
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่แต่อย่างใด
ตรงกันข้ามกับเป็นอุทาหรณ์ที่จุดประกายให้วิศวกรหนุ่มไฟแรงผู้นี้คิดสร้างเว็บไซค์ดร็อปบ็อกซ์ขึ้นมาเพื่อเก็บข้อมูลออนไลน์
และเขาและเพื่อนก็ได้ก่อตังบริษัทร่วมกัน
ความคิดริเริ่มสร้างดร็อปบ็อกซ์
นั้นไม่ได้คิดขึ้นมาแล้วแก้ไขปัญหาให้กับตัวเองเท่านั้น แต่ยังช่วย
ให้อีกหลายคนทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อและฝากไฟล์ออนไลน์ได้ด้วย
เมื่อสามาชิกผู้ใช้งานเว็บไซค์นี้ติดต้องโปรแกรม
ของดร็อปบ็อกซ์ไว้แล้วในอุปกรณ์ที่ใช้งานก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ฝากอยู่ในเว็บไซค์ดังกล่าวได้จากทุกแห่งบนโลกที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตด้วยความที่โปรแกรมนี้สามารถรองรับระบบปฎิบัติการต่างๆ
ได้ทั้ง Microsoft Windows, Mac OS, Linux,
iOS , Andeoid และ BlackBerry ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นเอง
ช่วง 3 เดือนแรกของการก่อตั้งที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำประกอบกับวีดีทัศน์แสดงการใช้งานดร็อปบ็อกซ์ของฮูสตัน
ทำให้จากที่มีผู้ใช้งานเพียง 5,000 คนก็เพิ่มขึ้นเป็น 75,000
คนภายในไม่กี่ชั่วโมง
จากนั้นด็อปบ็อกซ์ก็กลายเป็นจุดสนใจของสื่อมวลชน
และทำให้ฮูสตันรู้ตัวว่าเขามาไกลจนฉุดไว้ไม่ได้แล้ว
ด้วยบริการที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทำให้ในเวลา 5 ปีมีผู้ลงชื่อเข้าใช้มากถึง
50 ล้านคน ผ่านการบอกปากต่อปาก และมีกว่า 325 ล้านไฟล์ที่บันทึกไว้ในดร็อปบ็อกซ์
กระแสความนิยมของโปรแกรมดร็อปบ็อกซ์
ทำให้ค่ายไอทีใหญ่น้อยอยากขอซื้อเข้ากับกิจการของตัวเอง แต่ฮูลตันปฎิเสธเสียงแข็ง
ไม่ขายกิจการอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุที่ว่า
นี่คือความสำเร็จที่สร้างมาด้วยมือของตัวเอง
จึงไม่ปล่อยให้กิจการที่รักเหมืนลูกในไส้ตกไปเป็นของใครง่ายๆ
การปฏิเสธข้อเสนอในครั้งนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้อง
เพราะหลังจากนั้น ดร็อปบ็อกซ์ทำรายได้มากถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนำเงินเข้ากระเป๋าเหนาะๆ
ให้กับผู่ก่อตั้ง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากความร่ำรวยในช่วง 20
ปลายๆนี้ส่งผลให้ฮูลตันกลายเป็นเศรษฐีที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งใน
ค.ศ. 2012 ในตอนนั้น
ที่มา:M2F
Post a Comment